กัญชา ทางการแพทย์ รักษาโรคอะไรได้บ้าง | กัญชาทางการแพทย์ได้รับการวิจัยและใช้เพื่อรักษาหรือบรรเทาอาการของหลายโรคและภาวะทางการแพทย์ ต่อไปนี้คือโรคและอาการที่กัญชาทางการแพทย์อาจมีประสิทธิภาพในการรักษาหรือบรรเทาได้:
1. บรรเทาอาการปวด
- อาการปวดเรื้อรัง: กัญชามีสาร THC และ CBD ที่สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดเรื้อรัง เช่น อาการปวดจากโรคข้อเสื่อม ปวดกล้ามเนื้อ และปวดปลายประสาท
- อาการปวดมะเร็ง: ใช้ในการบรรเทาอาการปวดที่เกิดจากมะเร็งหรือการรักษามะเร็ง เช่น การทำเคมีบำบัด
กัญชาทางการแพทย์มีสารออกฤทธิ์หลักสองชนิดคือ THC (Tetrahydrocannabinol) และ CBD (Cannabidiol) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดอาการปวด โดยสารทั้งสองชนิดนี้ทำงานร่วมกันผ่านระบบ Endocannabinoid System (ECS) ของร่างกาย ซึ่งมีบทบาทในการควบคุมอาการปวด การอักเสบ อารมณ์ และการทำงานอื่น ๆ ของระบบประสาท
กัญชา ทางการแพทย์ รักษา อาการปวดเรื้อรัง
กัญชา ทางการแพทย์ รักษาโรคอะไรได้บ้าง | อาการปวดเรื้อรังมักเกิดขึ้นเป็นเวลานานและมักตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาแผนปัจจุบันไม่ดี กัญชาทางการแพทย์จึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความสนใจในการบรรเทาอาการปวดเรื้อรัง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการปวดดังนี้:
- โรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis): สาร CBD สามารถลดการอักเสบของข้อต่อและช่วยบรรเทาอาการปวดที่เกิดจากการเสื่อมของข้อ การใช้กัญชาในรูปแบบยาทาหรือรับประทานช่วยลดอาการเจ็บปวดและทำให้ขยับร่างกายได้ง่ายขึ้น
- ปวดกล้ามเนื้อ (Muscle Pain): ผู้ป่วยที่มีอาการเกร็งของกล้ามเนื้อหรือปวดจากการทำงานหนัก สามารถใช้สาร CBD ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้
- ปวดปลายประสาท (Neuropathic Pain): อาการปวดจากปลายประสาทเกิดจากความเสียหายหรือการเสื่อมสภาพของเส้นประสาท กัญชามีสาร THC ที่มีคุณสมบัติในการกดประสาทและลดความเจ็บปวด นอกจากนี้ CBD ยังช่วยป้องกันการส่งสัญญาณปวดผ่านปลายประสาท ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้น
กัญชา ทางการแพทย์ รักษา อาการปวดมะเร็ง
กัญชา ทางการแพทย์ รักษาโรคอะไรได้บ้าง : สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง การรักษาด้วยเคมีบำบัดและการรักษาอื่น ๆ อาจทำให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรง กัญชาทางการแพทย์ถูกนำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดเหล่านี้ โดย THC และ CBD มีบทบาทในหลายด้าน เช่น:
- บรรเทาอาการปวดจากการทำเคมีบำบัด: การทำเคมีบำบัดสามารถทำให้เกิดอาการปวดกล้ามเนื้อและปลายประสาทอักเสบ (Neuropathy) การใช้กัญชาสามารถช่วยลดความรุนแรงของอาการปวดเหล่านี้ได้
- อาการปวดจากการแพร่กระจายของมะเร็ง: การเติบโตของเซลล์มะเร็งและการแพร่กระจายอาจสร้างแรงกดดันในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย กัญชาสามารถช่วยลดการอักเสบและอาการปวดจากแรงกดดันเหล่านี้ได้
การบรรเทาอาการปวดด้วยกัญชาได้รับการสนับสนุนจากการวิจัยหลายฉบับที่ระบุว่าสาร THC และ CBD สามารถช่วยลดระดับความเจ็บปวดได้ดี ซึ่งทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและสามารถรับมือกับโรคได้ง่ายกว่าเดิม
2. ควบคุมอาการคลื่นไส้และอาเจียน
- การรักษามะเร็ง (เคมีบำบัด): กัญชาถูกใช้เพื่อลดอาการคลื่นไส้และอาเจียนที่เกิดจากการทำเคมีบำบัด
หนึ่งในอาการข้างเคียงที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยมะเร็งที่รับการรักษาด้วย เคมีบำบัด (Chemotherapy-Induced Nausea and Vomiting – CINV) คืออาการ คลื่นไส้และอาเจียน ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและสภาพจิตใจของผู้ป่วยอย่างมาก กัญชาทางการแพทย์ถูกนำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการนี้ เนื่องจากมีสารออกฤทธิ์หลัก THC (Tetrahydrocannabinol) ที่มีฤทธิ์ต้านอาการคลื่นไส้และกระตุ้นความอยากอาหาร
กลไกการออกฤทธิ์ของกัญชาในการควบคุมอาการคลื่นไส้และอาเจียน
กัญชา ทางการแพทย์ รักษาโรคอะไรได้บ้าง / กัญชาทางการแพทย์ทำงานผ่านระบบ Endocannabinoid System (ECS) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมอาการคลื่นไส้ อาเจียน และกระตุ้นความอยากอาหาร โดยการกระตุ้นตัวรับ CB1 receptors ที่พบได้ในระบบประสาทส่วนกลาง โดยเฉพาะในสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการคลื่นไส้ เช่น บริเวณ Medulla Oblongata และ Dorsal Vagal Complex
ประสิทธิภาพของ THC ในการควบคุมอาการคลื่นไส้
THC เป็นสารในกัญชาที่มีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมอาการคลื่นไส้และอาเจียน โดย THC จะยับยั้งการปล่อยสารสื่อประสาทที่ทำให้เกิดการคลื่นไส้และกระตุ้นการอาเจียน เช่น Serotonin ซึ่งเป็นสารที่เกี่ยวข้องกับการกระตุ้นการอาเจียนที่เกิดจากเคมีบำบัด
การวิจัยและการยอมรับในการใช้กัญชาควบคุมอาการ CINV
การวิจัยพบว่าผู้ป่วยที่ใช้ยาที่สกัดจากกัญชาซึ่งมี THC เป็นส่วนประกอบหลัก เช่น Dronabinol หรือ Nabilone สามารถลดอาการคลื่นไส้และอาเจียนที่เกิดจากเคมีบำบัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อยาต้านคลื่นไส้แบบเดิม (เช่น ยา Ondansetron หรือ Metoclopramide)
ข้อดีของการใช้กัญชาทางการแพทย์ในผู้ป่วยมะเร็ง
การใช้กัญชาเพื่อลดอาการคลื่นไส้และอาเจียนในผู้ป่วยที่รับการรักษาด้วยเคมีบำบัดมีข้อดีดังนี้:
- ลดอาการคลื่นไส้และอาเจียน: ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายและรับประทานอาหารได้มากขึ้น ซึ่งช่วยรักษาน้ำหนักตัวและลดภาวะขาดสารอาหาร
- กระตุ้นความอยากอาหาร: กัญชามีผลช่วยกระตุ้นความอยากอาหารในผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งมีความสำคัญในการช่วยให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารและพลังงานที่เพียงพอ
- ลดความกังวลและความเครียด: สาร THC ในกัญชาสามารถช่วยผ่อนคลายและลดความกังวลในผู้ป่วย ซึ่งมักมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการรักษา
คำแนะนำในการใช้กัญชาควบคุมอาการ CINV
กัญชา ทางการแพทย์ รักษาโรคอะไรได้บ้าง : แม้ว่ากัญชาทางการแพทย์จะมีประสิทธิภาพในการลดอาการคลื่นไส้และอาเจียน แต่การใช้ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และต้องพิจารณาถึงปริมาณและวิธีการใช้ที่เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง เช่น อาการเวียนศีรษะ ปากแห้ง หรือการสูญเสียความจำชั่วคราว
สรุป: กัญชาทางการแพทย์ได้รับการยอมรับในหลายประเทศว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมอาการคลื่นไส้และอาเจียนที่เกิดจากการทำเคมีบำบัดในผู้ป่วยมะเร็ง โดยช่วยให้ผู้ป่วยรับมือกับการรักษาได้ดีขึ้น และสามารถรักษาคุณภาพชีวิตที่ดี
3. รักษาและควบคุมโรคลมชัก | กัญชาทางการแพทย์
- สาร CBD (Cannabidiol) ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในการรักษาโรคลมชักบางประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคลมชักแบบ Dravet syndrome และ Lennox-Gastaut syndrome ซึ่งไม่ตอบสนองต่อยาปกติ
สาร Cannabidiol (CBD) ในกัญชาทางการแพทย์ได้รับความสนใจอย่างมากในฐานะยาที่มีศักยภาพในการรักษาและควบคุมโรคลมชัก โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะโรคลมชักที่รุนแรงและไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาแบบดั้งเดิม เช่น Dravet syndrome และ Lennox-Gastaut syndrome
สาร Cannabidiol (CBD) และกลไกการออกฤทธิ์ในการรักษาโรคลมชัก
CBD เป็นหนึ่งในสาร Cannabinoids ที่ไม่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท (ไม่ทำให้เมา) และมีประสิทธิภาพในการควบคุมการทำงานของสมอง ซึ่งช่วยลดการเกิดอาการชักได้
- กลไกการออกฤทธิ์ของ CBD: CBD ไม่จับกับตัวรับ CB1 และ CB2 โดยตรง แต่จะมีผลผ่านการควบคุมสารสื่อประสาทและปรับปรุงการทำงานของตัวรับอื่นๆ ในสมอง เช่น ตัวรับ TRPV1 ที่เกี่ยวข้องกับการปรับสมดุลของเซลล์ประสาทและลดความไวต่อการเกิดชัก นอกจากนี้ CBD ยังมีผลในการลดการปล่อยสาร Glutamate ซึ่งเป็นสารที่กระตุ้นการทำงานของสมอง ทำให้มีโอกาสลดการเกิดชักได้
การอนุมัติและยอมรับในการใช้ CBD รักษาโรคลมชัก
- สาร CBD ได้รับการยอมรับและอนุมัติจาก องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) ในปี 2018 ให้ใช้ในยา Epidiolex สำหรับรักษาโรคลมชักชนิด Dravet syndrome และ Lennox-Gastaut syndrome ซึ่งเป็นโรคลมชักที่เกิดขึ้นตั้งแต่วัยเด็กและมีอาการชักที่รุนแรงและยากต่อการควบคุม
- Dravet syndrome: เป็นโรคลมชักที่เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม โดยผู้ป่วยมักมีอาการชักที่ยาวนานและตอบสนองต่อยากันชักแบบดั้งเดิมไม่ดี
- Lennox-Gastaut syndrome: เป็นโรคลมชักชนิดที่มีอาการชักหลายรูปแบบและมักเริ่มในเด็กเล็ก ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้มักมีปัญหาในการเรียนรู้และพัฒนาการช้า
ประสิทธิภาพของ CBD ในการรักษาโรคลมชัก
การศึกษาทางคลินิกได้แสดงให้เห็นว่า CBD มีประสิทธิภาพในการลดความถี่ของการชักในผู้ป่วยที่เป็นโรคลมชักที่ดื้อยา:
- ในการศึกษาในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการ Dravet syndrome พบว่าการใช้ CBD สามารถลดจำนวนการเกิดชักลงได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยมีบางรายที่อาการชักลดลงถึง 50% หรือมากกว่า
- การศึกษาในผู้ป่วยที่เป็น Lennox-Gastaut syndrome พบว่า CBD ช่วยลดความถี่ของการเกิดชักแบบ drop seizures (การชักที่ทำให้ผู้ป่วยล้มลงอย่างกะทันหัน) และช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
ข้อดีและผลข้างเคียงของการใช้ CBD
- ข้อดี: CBD ไม่มีฤทธิ์ทำให้เมาหรือเปลี่ยนแปลงสภาพจิตใจของผู้ใช้ ซึ่งทำให้สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยในผู้ป่วยเด็ก นอกจากนี้ยังเป็นยาทางเลือกที่มีศักยภาพสำหรับผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบดั้งเดิม
- ผลข้างเคียง: การใช้ CBD อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเช่น อาการท้องเสีย ง่วงนอน หรือเบื่ออาหาร แต่ผลข้างเคียงเหล่านี้มักไม่รุนแรงและสามารถจัดการได้ด้วยการปรับขนาดยาที่เหมาะสม
แนวทางการรักษาด้วย CBD
การใช้ CBD ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อปรับขนาดยาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย และเฝ้าติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิด
สรุป: สาร Cannabidiol (CBD) เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสำหรับการรักษาและควบคุมโรคลมชักที่รุนแรง โดยเฉพาะในกรณีของ Dravet syndrome และ Lennox-Gastaut syndrome ที่ไม่ตอบสนองต่อยากันชักแบบดั้งเดิม ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสลดความถี่และความรุนแรงของการชัก และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้น
4. กัญชา ทางการแพทย์ | ช่วยลดอาการทางประสาท
- โรคพาร์กินสัน: ช่วยบรรเทาอาการสั่นและกล้ามเนื้อแข็ง
- โรคปลายประสาทอักเสบ: ช่วยลดอาการชาและปวดตามปลายประสาท
กัญชา ทางการแพทย์ รักษาโรคอะไรได้บ้าง | กัญชาทางการแพทย์ได้รับการศึกษาวิจัยว่ามีประสิทธิภาพในการช่วยบรรเทาอาการทางระบบประสาทในผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท เช่น โรคพาร์กินสัน และ โรคปลายประสาทอักเสบ เนื่องจากสารประกอบที่สำคัญในกัญชา เช่น THC (Tetrahydrocannabinol) และ CBD (Cannabidiol) มีผลต่อระบบประสาทและการทำงานของสมอง
1. โรคพาร์กินสัน (Parkinson’s Disease)
โรคพาร์กินสัน เป็นโรคความเสื่อมของระบบประสาทส่วนกลางที่ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว เช่น อาการสั่น กล้ามเนื้อแข็ง และการเคลื่อนไหวที่ช้า โรคนี้เกิดจากการลดลงของสาร โดพามีน (Dopamine) ในสมองส่วน Basal Ganglia ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย
- ผลของกัญชาในการรักษาอาการพาร์กินสัน: การวิจัยพบว่า กัญชาสามารถช่วยบรรเทาอาการบางอย่างในผู้ป่วยพาร์กินสัน โดยเฉพาะ อาการสั่น (Tremor) และ กล้ามเนื้อแข็ง (Muscle Rigidity) ซึ่งเป็นอาการหลักของโรคนี้ สาร THC และ CBD ในกัญชาทำงานผ่าน Endocannabinoid System (ECS) โดยกระตุ้นตัวรับ CB1 และ CB2 receptors ที่ช่วยควบคุมและปรับปรุงการสื่อสารของเซลล์ประสาท ลดการปล่อยสารกลูตาเมต (Glutamate) ซึ่งมีส่วนในการทำให้เกิดอาการสั่น
- ผลการวิจัยทางคลินิก: การศึกษาทางคลินิกบางชิ้นพบว่า การใช้กัญชาสามารถลดอาการสั่นและกล้ามเนื้อแข็งในผู้ป่วยพาร์กินสันได้ เช่น การศึกษาที่เผยแพร่ในวารสาร Clinical Neuropharmacology พบว่าผู้ป่วยที่ใช้กัญชารายงานว่ามีการลดลงของอาการสั่นและการเพิ่มขึ้นของความสามารถในการเคลื่อนไหว
2. โรคปลายประสาทอักเสบ (Peripheral Neuropathy) | กัญชา ทางการแพทย์ รักษาโรค
กัญชา ทางการแพทย์ รักษาโรคอะไรได้บ้าง : โรคปลายประสาทอักเสบ เป็นภาวะที่เกิดจากการทำลายของเส้นประสาทส่วนปลาย ทำให้เกิดอาการชา ปวด แสบ หรือรู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่มตามปลายมือและปลายเท้า สาเหตุของโรคนี้อาจเกิดจากเบาหวาน การติดเชื้อ หรือการได้รับสารพิษ
- ผลของกัญชาในการบรรเทาอาการปลายประสาทอักเสบ: กัญชาทางการแพทย์ โดยเฉพาะสาร CBD และ THC สามารถช่วยลดอาการปวดที่เกิดจากการอักเสบของปลายประสาทได้ เนื่องจากสารทั้งสองชนิดมีฤทธิ์ลดการอักเสบและปรับปรุงการทำงานของระบบประสาท โดยสาร CBD ทำงานโดยการกระตุ้น ตัวรับ CB2 ซึ่งช่วยลดการปล่อยสารสื่อประสาทที่กระตุ้นอาการปวด เช่น Substance P และ Prostaglandins
- ผลการศึกษาทางการแพทย์: มีการศึกษาที่สนับสนุนว่าการใช้สารสกัดจากกัญชา เช่น Sativex ซึ่งประกอบด้วย THC และ CBD ในรูปแบบสเปรย์ใต้ลิ้น สามารถช่วยลดอาการปวดที่เกิดจากโรคปลายประสาทอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ งานวิจัยในวารสาร Journal of Pain พบว่าผู้ป่วยที่ใช้ Sativex รายงานว่าอาการปวดและอาการชาลดลงได้ถึง 30-50% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก
ข้อดีและผลข้างเคียงของการใช้กัญชารักษาอาการทางประสาท
- ข้อดี: กัญชาสามารถช่วยลดอาการปวด อาการสั่น และกล้ามเนื้อแข็งได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาแก้ปวดในปริมาณมาก ซึ่งลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงจากการใช้ยาแก้ปวด เช่น การเสพติดหรือการทำลายตับ
- ผลข้างเคียง: ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการเวียนศีรษะ ง่วงนอน หรือการตอบสนองทางจิตใจที่เปลี่ยนแปลงเมื่อใช้กัญชา โดยเฉพาะเมื่อใช้ในขนาดที่สูงเกินไป การรักษาด้วยกัญชาจึงควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
สรุป: การใช้กัญชาทางการแพทย์สามารถช่วยบรรเทาอาการทางระบบประสาท เช่น อาการสั่นและกล้ามเนื้อแข็งในผู้ป่วยพาร์กินสัน รวมถึงลดอาการปวดและอาการชาที่เกิดจากโรคปลายประสาทอักเสบได้ โดยกัญชาทำงานผ่านการควบคุมระบบประสาทและการสื่อสารระหว่างเซลล์ ซึ่งช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้
5. รักษาอาการเบื่ออาหารและลดน้ำหนัก
- กัญชาถูกใช้เพื่อกระตุ้นความอยากอาหารในผู้ป่วยโรคเอดส์หรือมะเร็งที่มีอาการเบื่ออาหารหรือน้ำหนักลด
กัญชา ทางการแพทย์ รักษาโรคอะไรได้บ้าง กัญชาทางการแพทย์มีการใช้เพื่อช่วย กระตุ้นความอยากอาหาร และ รักษาภาวะน้ำหนักลด ที่เกิดจากโรคหรือการรักษา เช่น โรคเอดส์ (AIDS) และโรคมะเร็ง ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยอย่างมาก สารประกอบที่มีบทบาทหลักในกระบวนการนี้คือ THC (Tetrahydrocannabinol) ที่มีฤทธิ์กระตุ้นความอยากอาหารและการหลั่งของสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกหิว
1. กระตุ้นความอยากอาหารในผู้ป่วยโรคเอดส์ (AIDS)
ผู้ป่วยโรคเอดส์มักมีอาการที่เรียกว่า Cachexia หรือ ภาวะกล้ามเนื้อลีบและน้ำหนักลด อันเป็นผลมาจากการติดเชื้อที่รุนแรงหรือการรักษาที่เกี่ยวข้อง ทำให้เกิดการลดความอยากอาหารและน้ำหนักอย่างมาก สาเหตุเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระบบภูมิคุ้มกันที่ทำให้ร่างกายต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการต่อสู้กับเชื้อโรค
- ผลของกัญชาในการกระตุ้นความอยากอาหาร: กัญชาสามารถช่วยกระตุ้นการหลั่งของสารสื่อประสาท Ghrelin ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกหิว และยังช่วยเพิ่ม โดพามีน (Dopamine) ที่ส่งผลให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลายและสนุกกับการรับประทานอาหารมากขึ้น การใช้กัญชาจึงมีประโยชน์ในการเพิ่มน้ำหนักและช่วยฟื้นฟูความแข็งแรงให้กับผู้ป่วยโรคเอดส์
- การวิจัยเกี่ยวกับกัญชาและโรคเอดส์: มีการศึกษาในวารสาร Journal of Acquired Immune Deficiency Syndromes (JAIDS) ที่พบว่าผู้ป่วยโรคเอดส์ที่ใช้กัญชามีการเพิ่มขึ้นของความอยากอาหารและการเพิ่มน้ำหนักมากกว่าผู้ที่ไม่ได้ใช้ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการเบื่ออาหารหรือน้ำหนักลดรุนแรง
2. การลดอาการเบื่ออาหารในผู้ป่วยมะเร็ง
การรักษามะเร็ง เช่น การทำเคมีบำบัด และ การฉายแสง ส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงที่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเบื่ออาหารและน้ำหนักลด อันเนื่องมาจากการอักเสบและการเปลี่ยนแปลงทางเคมีในร่างกาย รวมถึงความรู้สึกคลื่นไส้และอาเจียนที่เกิดจากการรักษา
- การกระตุ้นความอยากอาหารด้วย THC: สาร THC ในกัญชาสามารถทำให้เกิดความรู้สึกหิวและช่วยลดอาการคลื่นไส้ที่เกี่ยวข้องกับการรักษามะเร็ง นอกจากนี้ ยังช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลายและเพิ่มความอยากในการรับประทานอาหาร
- งานวิจัยและผลการศึกษา: การศึกษาทางคลินิกที่เผยแพร่ในวารสาร Appetite พบว่าผู้ป่วยมะเร็งที่ใช้กัญชามีความอยากอาหารเพิ่มขึ้นและมีการเพิ่มน้ำหนักมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก อีกทั้งยังพบว่าการใช้กัญชาเป็นเวลานานช่วยฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
กระบวนการทำงานของ THC ในการกระตุ้นความอยากอาหาร
สาร THC ในกัญชาทำงานโดยการจับกับตัวรับ CB1 Receptors ในสมองส่วน Hypothalamus ซึ่งเป็นส่วนที่ควบคุมการหลั่งของฮอร์โมนและความรู้สึกหิว นอกจากนี้ THC ยังส่งผลต่อระบบ Endocannabinoid System (ECS) ซึ่งมีบทบาทในการควบคุมการรับประทานอาหาร การเผาผลาญพลังงาน และความรู้สึกเพลิดเพลินจากการกินอาหาร
ข้อดีและผลข้างเคียง
- ข้อดี: การใช้กัญชาเพื่อกระตุ้นความอยากอาหารและเพิ่มน้ำหนักให้ผู้ป่วยที่มีอาการเบื่ออาหารหรือน้ำหนักลดรุนแรงสามารถช่วยฟื้นฟูสุขภาพและพละกำลังให้ผู้ป่วยได้ โดยไม่ต้องพึ่งพายาเคมีหรือฮอร์โมน
- ผลข้างเคียง: การใช้ THC ในปริมาณสูงอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเวียนศีรษะ ง่วงนอน หรือมีอาการหัวใจเต้นเร็วได้ ดังนั้น ควรใช้ในขนาดที่แพทย์แนะนำและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
สรุป: กัญชา ทางการแพทย์ รักษาโรคอะไรได้บ้าง : กัญชา ทางการแพทย์ รักษาโรคอะไรได้บ้าง การใช้กัญชาทางการแพทย์เพื่อรักษาอาการเบื่ออาหารและลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคเอดส์และมะเร็งที่มีอาการเบื่ออาหารและน้ำหนักลดอย่างรุนแรง สาร THC ในกัญชามีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นความอยากอาหาร เพิ่มการหลั่งสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับความหิว และช่วยให้ผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหารได้มากขึ้นและเพิ่มน้ำหนัก
6. ช่วยรักษาโรคจิตเภทและโรควิตกกังวล
- สาร CBD ในกัญชาอาจช่วยบรรเทาอาการวิตกกังวลและลดอาการทางจิตบางประเภทได้ อย่างไรก็ตาม การใช้ THC อาจทำให้อาการแย่ลงหากใช้ในปริมาณที่สูง
กัญชามีสารสำคัญหลักสองชนิด คือ CBD (Cannabidiol) และ THC (Tetrahydrocannabinol) โดยที่ CBD มีบทบาทสำคัญในการช่วยบรรเทาอาการวิตกกังวลและลดอาการทางจิตได้ ขณะที่ THC ถ้าใช้ในปริมาณที่สูงหรือไม่เหมาะสม อาจส่งผลให้เกิดอาการแย่ลงในบางกรณี
1. บทบาทของ CBD ในการรักษาโรคจิตเภทและโรควิตกกังวล
- โรควิตกกังวล (Anxiety Disorders): มีการวิจัยมากมายที่แสดงว่า CBD สามารถช่วยบรรเทาอาการวิตกกังวลได้ โดยสาร CBD มีคุณสมบัติ ลดการตอบสนองของสมองต่อความเครียด และปรับสมดุลสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับความวิตกกังวล เช่น เซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งมีความสำคัญในการควบคุมอารมณ์และความรู้สึกสงบ
- การศึกษาทางคลินิก: งานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Journal of Clinical Psychology แสดงให้เห็นว่า CBD ช่วยลดความวิตกกังวลในผู้ที่มีอาการ Social Anxiety Disorder (SAD) โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญหน้ากับความเครียด เช่น การพูดในที่สาธารณะ ผู้ที่ใช้ CBD มีการตอบสนองทางประสาทที่ดีขึ้นและแสดงอาการวิตกกังวลลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
- โรคจิตเภท (Schizophrenia): สาร CBD ยังมีคุณสมบัติช่วย ลดการหลั่งของสารโดปามีน (Dopamine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่มีการหลั่งมากเกินไปในผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตหรือโรคจิตเภท โดย CBD มีฤทธิ์ในการลดความรุนแรงของ อาการหลงผิด (Delusions) และ อาการประสาทหลอน (Hallucinations) ในผู้ป่วยบางราย
- การศึกษาทางคลินิก: งานวิจัยที่เผยแพร่ในวารสาร The American Journal of Psychiatry พบว่า CBD ช่วยลดอาการทางจิตได้ดีเทียบเท่ากับยารักษาโรคจิตทั่วไป (Antipsychotics) แต่มีผลข้างเคียงน้อยกว่า เช่น อาการง่วงซึมหรือการเพิ่มน้ำหนักที่มักเกิดจากการใช้ยารักษาโรคจิต
2. ผลกระทบจากการใช้ THC ต่อโรควิตกกังวลและโรคจิตเภท
- THC และโรควิตกกังวล: การใช้ THC ในปริมาณสูงอาจทำให้เกิดอาการ วิตกกังวลเพิ่มขึ้น โดย THC สามารถกระตุ้นสมองส่วน Amygdala ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการตอบสนองต่อความเครียดและความกลัว ดังนั้น การใช้ THC มากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการ Panic Attack หรือ ความวิตกกังวลรุนแรง ได้
- THC และโรคจิตเภท: ผู้ป่วยที่มีประวัติโรคจิตเภทหรือความเสี่ยงในการเกิดโรคจิตเภท ควรหลีกเลี่ยงการใช้ THC เนื่องจากมีงานวิจัยที่แสดงว่า THC ในปริมาณสูงอาจกระตุ้นให้เกิดอาการ ประสาทหลอน หรือ อาการทางจิต ในผู้ที่มีความไวต่อสารชนิดนี้ การใช้ THC จึงต้องมีการควบคุมและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
กลไกการทำงานของ CBD ในสมอง
สาร CBD มีผลต่อระบบประสาทที่สำคัญ ได้แก่ ระบบเอ็นโดแคนนาบินอยด์ (Endocannabinoid System, ECS) โดย CBD จะจับกับ ตัวรับ CB1 และ CB2 Receptors ในสมอง ซึ่งมีบทบาทในการควบคุมการหลั่งสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ ความเครียด และความวิตกกังวล นอกจากนี้ CBD ยังมีผลต่อ ตัวรับเซโรโทนิน (5-HT1A) ที่มีบทบาทในการปรับสมดุลอารมณ์และความรู้สึกสงบ
การใช้งานและข้อควรระวัง
- การใช้งาน: การใช้ CBD ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ และปริมาณการใช้ควรถูกปรับให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติทางจิตเวช เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์
- ข้อควรระวัง: แม้ว่ากัญชาทางการแพทย์มีประโยชน์ในหลายๆ ด้าน แต่การใช้ THC มากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการทางจิตหรือเพิ่มความวิตกกังวลได้ จึงควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสมและอยู่ภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ
สรุป: กัญชาทางการแพทย์ โดยเฉพาะสาร CBD มีศักยภาพในการช่วยรักษาโรควิตกกังวลและโรคจิตเภทได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยช่วยปรับสมดุลสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับความวิตกกังวลและความเครียด อย่างไรก็ตาม การใช้ THC ควรระมัดระวังและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เนื่องจากอาจกระตุ้นอาการทางจิตในบางรายได้
7. รักษาโรคอัลไซเมอร์
- การวิจัยบางส่วนแสดงให้เห็นว่า THC และ CBD อาจช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ประสาทในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์และช่วยรักษาความจำ
กัญชา ทางการแพทย์ รักษาโรคอะไรได้บ้าง โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) เป็นโรคที่ทำให้เกิดการเสื่อมของความสามารถในการคิด ความจำ และพฤติกรรม ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและคนรอบข้าง โดยสาเหตุหลักของโรคนี้เกิดจากการสะสมของโปรตีนผิดปกติในสมองที่ทำให้เกิดการตายของเซลล์ประสาท (neurons) และการเสื่อมของการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาท
การวิจัยเกี่ยวกับ THC และ CBD ในการรักษาโรคอัลไซเมอร์
THC (Tetrahydrocannabinol) และ CBD (Cannabidiol) เป็นสารสำคัญในพืชกัญชา โดยมีคุณสมบัติทางเภสัชวิทยาที่สามารถมีผลดีต่อสุขภาพหลายด้าน
- THC (Tetrahydrocannabinol):
- การต้านการอักเสบ: THC มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบในสมอง ซึ่งอาจช่วยลดการทำลายเซลล์ประสาทที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์
- การกระตุ้นการทำงานของสมอง: THC อาจมีบทบาทในการกระตุ้นการสร้างเซลล์ประสาทใหม่ (neurogenesis) ซึ่งสามารถช่วยปรับปรุงความจำและการเรียนรู้
- CBD (Cannabidiol):
- การป้องกันการเสื่อมของเซลล์ประสาท: การวิจัยบางชิ้นแสดงให้เห็นว่า CBD สามารถช่วยป้องกันการตายของเซลล์ประสาท ซึ่งเป็นปัญหาหลักในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์
- การปรับปรุงความจำ: มีการศึกษาที่แสดงว่า CBD อาจช่วยปรับปรุงความจำและฟังก์ชันทางปัญญาในผู้ป่วยที่มีความเสื่อมของสมอง
- การลดความวิตกกังวลและซึมเศร้า: CBD อาจช่วยลดอาการวิตกกังวลและซึมเศร้าที่มักพบในผู้ป่วยอัลไซเมอร์ ซึ่งช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น
ข้อจำกัดและความท้าทาย
- การวิจัยที่ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น: ข้อมูลที่มีอยู่เกี่ยวกับการใช้ THC และ CBD ในการรักษาโรคอัลไซเมอร์ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น การศึกษาเพิ่มเติมจึงมีความจำเป็นเพื่อยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการใช้งาน
- ผลข้างเคียง: การใช้ THC อาจมีผลข้างเคียงเช่น ความวิตกกังวลและการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ ซึ่งอาจไม่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยบางราย
- การขาดความเข้าใจเกี่ยวกับการให้ยา: ข้อมูลเกี่ยวกับการให้ยา ขนาดที่เหมาะสม และวิธีการใช้ยังไม่ชัดเจน จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อกำหนดแนวทางการรักษาที่เหมาะสม
สรุป : กัญชา ทางการแพทย์
THC และ CBD มีศักยภาพในการช่วยรักษาและป้องกันการเสื่อมของเซลล์ประสาทในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ โดยอาจช่วยในด้านการป้องกันการเสื่อมของความจำและการปรับปรุงคุณภาพชีวิต อย่างไรก็ตาม การวิจัยเพิ่มเติมยังเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการใช้งานสารเหล่านี้ในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์
8. บรรเทาอาการกล้ามเนื้อเกร็ง
- ผู้ป่วยโรค Multiple Sclerosis (MS) สามารถใช้กัญชาเพื่อลดอาการกล้ามเนื้อเกร็งและปวดที่เกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อ
กัญชา ทางการแพทย์ รักษาโรคอะไรได้บ้าง | โรค Multiple Sclerosis (MS) เป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลาง โดยมีสาเหตุมาจากการทำลายของเยื่อไมอีลิน (myelin) ซึ่งหุ้มเส้นประสาท ส่งผลให้การส่งสัญญาณระหว่างสมองและส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเกิดความบกพร่อง โรคนี้สามารถทำให้เกิดอาการต่าง ๆ รวมถึงอาการกล้ามเนื้อเกร็ง (muscle spasticity) ซึ่งทำให้ผู้ป่วยมีความรู้สึกไม่สบายและมีอาการปวด
อาการกล้ามเนื้อเกร็งในผู้ป่วย MS
- กล้ามเนื้อเกร็ง: เกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้ออย่างไม่ควบคุม ทำให้กล้ามเนื้อมีความตึงตัวสูงและมีอาการเกร็ง ซึ่งอาจเกิดขึ้นในกล้ามเนื้อแขน ขา หรือแม้กระทั่งกล้ามเนื้อรอบ ๆ ร่างกาย
- อาการปวด: กล้ามเนื้อเกร็งสามารถทำให้เกิดอาการปวดที่รุนแรงได้ ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
- การเคลื่อนไหวที่จำกัด: ผู้ป่วยอาจมีความยากลำบากในการเคลื่อนไหวหรือทำกิจกรรมประจำวันเนื่องจากอาการเกร็ง
การใช้กัญชาในการบรรเทาอาการ
การใช้กัญชา (Cannabis) ในการบรรเทาอาการกล้ามเนื้อเกร็งในผู้ป่วย MS มีการวิจัยและผลการศึกษาที่แสดงถึงความสามารถในการบรรเทาอาการ ดังนี้:
- THC (Tetrahydrocannabinol):
- การลดความตึงตัวของกล้ามเนื้อ: THC สามารถช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและลดความตึงตัวได้ โดยทำงานผ่านระบบ cannabinoid ในสมอง ซึ่งส่งผลให้การควบคุมกล้ามเนื้อดีขึ้น
- การบรรเทาอาการปวด: THC ยังมีคุณสมบัติในการบรรเทาอาการปวด ซึ่งอาจช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายขึ้น
- CBD (Cannabidiol):
- การลดอาการเกร็ง: CBD มีการแสดงให้เห็นว่ามีผลในการลดอาการกล้ามเนื้อเกร็งและช่วยปรับปรุงความสามารถในการเคลื่อนไหว
- การต้านการอักเสบ: CBD มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ ซึ่งอาจช่วยลดอาการอักเสบในกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดการเกร็ง
ข้อดีของการใช้กัญชาในการบรรเทาอาการ MS
- การบรรเทาอาการที่มีประสิทธิภาพ: กัญชา ทางการแพทย์ หลายการศึกษาระบุว่าผู้ป่วยที่ใช้กัญชาสามารถบรรเทาอาการกล้ามเนื้อเกร็งได้ดีกว่าผู้ที่ไม่ได้ใช้
- ผลข้างเคียงที่น้อย: เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ยารักษาอาการกล้ามเนื้อเกร็งในทางการแพทย์ เช่น ยาคลายกล้ามเนื้อหรือยาต้านอักเสบ, กัญชามักมีผลข้างเคียงที่น้อยกว่าหรือบรรเทาได้ง่ายกว่า
ข้อควรพิจารณา
- การใช้ภายใต้การดูแลแพทย์: การใช้กัญชาในการรักษาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
- การตอบสนองที่แตกต่างกัน: การตอบสนองต่อกัญชาของผู้ป่วยแต่ละคนอาจแตกต่างกัน บางคนอาจมีผลดีจากการใช้ขณะที่บางคนอาจไม่เห็นผลหรือมีอาการข้างเคียง
- ความถูกต้องตามกฎหมาย: สถานะทางกฎหมายของการใช้กัญชาขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศและแต่ละรัฐ จึงต้องตรวจสอบข้อกำหนดและกฎระเบียบในพื้นที่นั้น ๆ
สรุป
การใช้กัญชาเป็นทางเลือกหนึ่งในการบรรเทาอาการกล้ามเนื้อเกร็งและปวดในผู้ป่วยโรค Multiple Sclerosis (MS) โดย THC และ CBD มีศักยภาพในการช่วยปรับปรุงอาการดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ควรมีการวิจัยเพิ่มเติมและการใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา
หมายเหตุ:
การใช้กัญชาทางการแพทย์ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากผลข้างเคียงและความเสี่ยงต่อการเสพติด
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
กัญชา ทางการแพทย์ รักษาโรคอะไรได้บ้าง , โรคมะเร็ง (Cancer), โรคไขข้ออักเสบ (Arthritis), โรค Multiple Sclerosis (MS), โรคพาร์กินสัน (Parkinson’s Disease), โรควิตกกังวล (Anxiety Disorders), โรคซึมเศร้า (Depression), โรค PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder), โรคโครห์น (Crohn’s Disease), โรคลำไส้อักเสบ (Ulcerative Colitis), อาการปวดเรื้อรัง (Chronic Pain), อาการคลื่นไส้จากเคมีบำบัด (Chemotherapy-Induced Nausea), การนอนไม่หลับ (Insomnia), อาการเกร็งของกล้ามเนื้อ (Muscle Spasticity), โรคเบาหวาน (Diabetes), โรคหัวใจ (Heart Disease), โรคจิตเภท (Schizophrenia), อาการปวดประสาท (Neuropathic Pain), การอักเสบในระบบประสาท (Neuroinflammation), กัญชา, ทางการแพทย์, การรักษา, โรคมะเร็ง, อาการคลื่นไส้, ปวด, โรคเบาหวาน, ลดอาการปวด, เสริมสร้างความอยากอาหาร, ยาแก้ปวด, ลดการอักเสบ, อาการกล้ามเนื้อเกร็ง, โรคหลายเส้นโลหิตตีบ, อาการซึมเศร้า, โรควิตกกังวล, โรคพาร์กินสัน, โรคจิตเภท, ยาเสพติด, กัญชง, CBD, THC, กฎหมาย, การใช้กัญชา, ผลข้างเคียง, การใช้ในการแพทย์, การวิจัย, ผลประโยชน์, ปริมาณที่เหมาะสม, การใช้อย่างปลอดภัย, การศึกษาทางการแพทย์, การรับรองทางการแพทย์, ประโยชน์ทางการแพทย์, วิทยาศาสตร์กัญชา, สุขภาพจิต, การรักษาแบบองค์รวม, ผลกระทบทางสุขภาพ, การสืบสวนทางการแพทย์, กัญชาทางการแพทย์, รักษาโรค, บรรเทาอาการปวด, อาการปวดเรื้อรัง, THC, CBD, อาการปวดจากโรคข้อเสื่อม, ปวดกล้ามเนื้อ, ปวดปลายประสาท, อาการปวดมะเร็ง, เคมีบำบัด, ระบบ Endocannabinoid, ลดอาการปวด, การอักเสบ, โรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis), สาร CBD, ยาทา, ยารับประทาน, ปวดกล้ามเนื้อ (Muscle Pain), อาการเกร็งของกล้ามเนื้อ, อาการปวดจากการทำงานหนัก, ปวดปลายประสาท (Neuropathic Pain), ความเสียหายของเส้นประสาท, กดประสาท, ส่งสัญญาณปวด, บรรเทาอาการปวดจากเคมีบำบัด, อาการปวดกล้ามเนื้อและปลายประสาทอักเสบ, การแพร่กระจายของมะเร็ง, แรงกดดันในร่างกาย, อาการปวดจากการเติบโตของเซลล์มะเร็ง, ลดความรุนแรงของอาการปวด, การวิจัย, ประสิทธิภาพในการรักษา, ทางเลือกการรักษา, อาการปวดเรื้อรังมักเกิดขึ้นนาน, ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาแผนปัจจุบันไม่ดี, ควบคุมอาการคลื่นไส้และอาเจียน, การรักษามะเร็ง, เคมีบำบัด, กัญชา, อาการข้างเคียง, เคมีบำบัด (Chemotherapy-Induced Nausea and Vomiting – CINV), คุณภาพชีวิต, สภาพจิตใจ, กัญชาทางการแพทย์, THC (Tetrahydrocannabinol), ฤทธิ์ต้านอาการคลื่นไส้, กระตุ้นความอยากอาหาร, ระบบ Endocannabinoid System (ECS), CB1 receptors, ระบบประสาทส่วนกลาง, Medulla Oblongata, Dorsal Vagal Complex, ประสิทธิภาพของ THC, สารสื่อประสาท, Serotonin, การวิจัย, Dronabinol, Nabilone, ยาต้านคลื่นไส้, Ondansetron, Metoclopramide, ข้อดีของการใช้กัญชาทางการแพทย์, ลดอาการคลื่นไส้, ลดอาการอาเจียน, กระตุ้นความอยากอาหาร, ลดความกังวล, ลดความเครียด, คำแนะนำในการใช้กัญชา, ผลข้างเคียง, โรคลมชัก, CBD (Cannabidiol), การรักษาโรคลมชัก, Dravet syndrome, Lennox-Gastaut syndrome, สาร Cannabinoids, กลไกการออกฤทธิ์, ตัวรับ CB1, ตัวรับ CB2, TRPV1, การปรับสมดุลของเซลล์ประสาท, การปล่อยสาร Glutamate, องค์การอาหารและยา, FDA, Epidiolex, ความผิดปกติทางพันธุกรรม, ปัญหาการเรียนรู้, พัฒนาการช้า, ประสิทธิภาพของ CBD, ความถี่ของการชัก, drop seizures, คุณภาพชีวิต, ข้อดีของ CBD, ไม่มีฤทธิ์ทำให้เมา, ปลอดภัยในผู้ป่วยเด็ก, ผลข้างเคียงของ CBD, อาการท้องเสีย, ง่วงนอน, เบื่ออาหาร, แนวทางการรักษาด้วย CBD, การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ, ปรับขนาดยา, ผลการรักษา, ช่วยลดอาการทางประสาท, กัญชาทางการแพทย์, ประสิทธิภาพ, บรรเทาอาการทางระบบประสาท, โรคพาร์กินสัน, อาการสั่น, กล้ามเนื้อแข็ง, โรคปลายประสาทอักเสบ, อาการชา, ปวด, ปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท, สาร THC, สาร CBD, Tetrahydrocannabinol, Cannabidiol, ระบบประสาท, การทำงานของสมอง, โรคความเสื่อมของระบบประสาท, การเคลื่อนไหว, สารโดพามีน, Basal Ganglia, Endocannabinoid System, CB1 receptors, CB2 receptors, สารกลูตาเมต, ลดอาการสั่น, การเพิ่มขึ้นของความสามารถในการเคลื่อนไหว, โรคปลายประสาท, ทำลายเส้นประสาทส่วนปลาย, อาการแสบ, รู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่ม, สาเหตุ, เบาหวาน, การติดเชื้อ, สารพิษ, ฤทธิ์ลดการอักเสบ, ปรับปรุงการทำงานของระบบประสาท, ตัวรับ CB2, สารสื่อประสาท, Substance P, Prostaglandins, สารสกัดจากกัญชา, Sativex, สเปรย์ใต้ลิ้น, การลดอาการปวด, งานวิจัย, Journal of Pain, ผลข้างเคียง, อาการเวียนศีรษะ, ง่วงนอน, การตอบสนองทางจิตใจ, การดูแลของแพทย์, คุณภาพชีวิต, บรรเทาอาการทางระบบประสาท, รักษาอาการเบื่ออาหาร, ลดน้ำหนัก, กัญชาทางการแพทย์, กระตุ้นความอยากอาหาร, โรคเอดส์, โรคมะเร็ง, น้ำหนักลด, ความรู้สึกหิว, THC (Tetrahydrocannabinol), สารสื่อประสาท, Cachexia, ภาวะกล้ามเนื้อลีบ, ความอยากอาหาร, โดพามีน (Dopamine), ความเครียด, การวิจัยเกี่ยวกับกัญชา, Journal of Acquired Immune Deficiency Syndromes (JAIDS), เคมีบำบัด, การฉายแสง, ผลข้างเคียง, คลื่นไส้, อาเจียน, ตัวรับ CB1 Receptors, Hypothalamus, Endocannabinoid System (ECS), การเผาผลาญพลังงาน, การรักษาอาการเบื่ออาหาร, ฟื้นฟูสุขภาพ, ข้อดีของกัญชา, ผลข้างเคียงของ THC, ความรู้สึกผ่อนคลาย, ฟื้นฟูคุณภาพชีวิต, การเพิ่มน้ำหนัก, การใช้ยาเคมี, ฮอร์โมน, การใช้ในขนาดที่แพทย์แนะนำ, การควบคุมการหลั่งของฮอร์โมน, รักษาโรคจิตเภท, รักษาโรควิตกกังวล, กัญชา, บรรเทาอาการวิตกกังวล, ลดอาการทางจิต, สาร CBD, สาร THC, THC ทำให้แย่ลง, CBD บรรเทาอาการวิตกกังวล, CBD ลดอาการทางจิต, อาการวิตกกังวล, Anxiety Disorders, การวิจัยเกี่ยวกับ CBD, Social Anxiety Disorder, Serotonin, โรคจิตเภท, Dopamine, อาการหลงผิด, อาการประสาทหลอน, American Journal of Psychiatry, Antipsychotics, THC และโรควิตกกังวล, Panic Attack, THC และโรคจิตเภท, ประสาทหลอนจาก THC, ระบบ Endocannabinoid, CB1 Receptors, CB2 Receptors, เซโรโทนิน, การใช้งาน CBD, ข้อควรระวังการใช้กัญชา, การใช้ THC อย่างมีประสิทธิภาพ, การควบคุม THC, การปรับสมดุลสารสื่อประสาท, ผลข้างเคียงของ THC, ความเครียด, ความกลัว, การลดความวิตกกังวล, อาการทางจิต, การดูแลผู้ป่วย, กัญชาทางการแพทย์, รักษาโรคอัลไซเมอร์, กัญชาทางการแพทย์ รักษาโรคอัลไซเมอร์, THC, CBD, การวิจัย THC CBD โรคอัลไซเมอร์, ป้องกันการเสื่อมเซลล์ประสาท, โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease), การสะสมโปรตีนผิดปกติ, การตายของเซลล์ประสาท, การเสื่อมของการเชื่อมต่อเซลล์ประสาท, คุณภาพชีวิตผู้ป่วยอัลไซเมอร์, การต้านการอักเสบ, การกระตุ้นการทำงานของสมอง, การสร้างเซลล์ประสาทใหม่, การป้องกันการเสื่อมเซลล์ประสาท, การปรับปรุงความจำ, ฟังก์ชันทางปัญญา, ลดความวิตกกังวล, ลดซึมเศร้า, การวิจัยเริ่มต้น, ผลข้างเคียง THC, ขาดความเข้าใจการให้ยา, บรรเทาอาการกล้ามเนื้อเกร็ง, โรค Multiple Sclerosis (MS), การทำลายเยื่อไมอีลิน, การหดตัวของกล้ามเนื้อ, อาการกล้ามเนื้อเกร็ง, อาการปวดกล้ามเนื้อ, การเคลื่อนไหวที่จำกัด, การลดความตึงตัวของกล้ามเนื้อ, การบรรเทาอาการปวด, การต้านการอักเสบ CBD, ข้อดีการใช้กัญชา, การบรรเทาอาการ MS, ผลข้างเคียงน้อย, การใช้ภายใต้การดูแลแพทย์, การตอบสนองต่อกัญชาแตกต่างกัน, สถานะทางกฎหมายการใช้กัญชา, ทางเลือกในการบรรเทาอาการ, ความปลอดภัยการรักษา,